อาจารย์คณะเภสัช ม.อ. วิจัยผักพื้นบ้านไทย
พบสารชนิดใหม่ที่ออกฤทธิ์ต้านมะเร็ง จากใบชะมวงเป็นครั้งแรกในโลก
ซึ่งจะเป็นสารต้นแบบที่สามารถนำไปพัฒนาโครงสร้างสู่ยาต้านมะเร็งในอนาคต
ทึ่งภูมิปัญญาไทย “หมูต้มชะมวง”
เพราะศึกษาพบว่าสารดังกล่าวที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งละลายได้ดีในน้ำมัน
รองศาสตราจารย์ ดร.ภก.ภาคภูมิ พาณิชยูปการนันท์
อาจารย์และผู้อำนวยการสถานวิจัยยาสมุนไพรและเทคโนโลยีชีวภาพทางเภสัชกรรม
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับนายอภิรักษ์
สกุลปักษ์ นักศึกษาทุนโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก
ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์
ศึกษาวิจัยคุณสมบัติในการมีฤทธิ์ต้านมะเร็งของพืชผักพื้นบ้านที่นำมาประกอบ
อาหารโดยเฉพาะผักพื้นบ้านภาคใต้
และสามารถแยกสารต้านมะเร็งและต้านแบคทีเรียก่อโรคทางเดินอาหารจาก “ใบชะมวง”
ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก โดยทำการศึกษาต้นคว้าอยู่เป็นเวลา 2 ปี
ผลงานได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ Food Chemistry
ซึ่งเป็นวารสารที่ได้รับความเชื่อถือและยอมรับอย่างมากในวงวิชาการ
การศึกษาวิจัยเริ่มจากการเก็บรวบรวมพืชผักพื้นบ้านจำนวน 22
ชนิด เพื่อนำมาสกัดและทดสอบว่ามีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ Helicobacter pylori
ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อโรคในทางเดินอาหารหรือไม่
โดยพบว่าชะมวงเป็นพืชที่ออกฤทธิ์ดีที่สุด จึงได้นำมาแยกสารที่ต้องการ
จนสามารถได้สารตัวหนึ่งซึ่งมีฤทธิ์ในระดับดีมาก
มีค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถยับยั้งเชื้อได้ หรือ MIC ประมาณ 7.8
ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร สิ่งที่สำคัญคือหลังจากหาสูตรโครงสร้างแล้ว
พบว่าสารตัวนี้เป็นสารใหม่ที่ไม่เคยมีใครรายงานมาก่อนในโลก จึงตั้งชื่อว่า
“ชะมวงโอน” (chamuangone) เพื่อให้แสดงว่ามาจากประเทศไทย
ต่อจากนั้นได้มีการศึกษาต่อถึงความเป็นไปได้ในการออกฤทธ์ยับยั้งเชื้อโปรโต
ซัวร์ เพื่อนำไปสู่การศึกษาการยับยั้งเซลมะเร็งต่อไป
โดยได้นำไปทดสอบกับกลุ่มโปรโตซัวร์ Leishmania major ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคที่เคยพบระบาดในภาคใต้ของไทยมาแล้ว พบว่าสารชะมวงโอน สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งโปรโตซัวร์ Leishmania major ได้ดี จึงได้นำ“ชะมวงโอน” ไปทดสอบกับเซลมะเร็งปอดและเซลมะเร็งเม็ดเลือดขาว และพบว่าสารชะมวงโอนมีในการต้านเซลมะเร็งได้ฤทธิ์ดี
อย่างไรก็ตาม
การนำสารดังกล่าวไปใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
อาจจะต้องมีกระบวนการศึกษาเพิ่มเติมอีกหลายขั้นตอน เช่น
ศึกษาการมีผลกระทบต่อเซลล์ปกติหรือไม่
การเพิ่มประสิทธิภาพการออกฤทธิ์โดยการเปลี่ยนแปลงสูตรโครงสร้าง
เพื่อการรักษาที่ได้ผลมากขึ้นหรือเพื่อลดอาการข้างเคียงในการใช้ยา
ผลจากความสำเร็จในการค้นคว้าครั้งนี้ คือ
การได้โครงสร้างใหม่ของสารที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
เพื่อจะได้มีการดัดแปลงพัฒนาเป็นยาต้านมะเร็งที่ออกฤทธิ์ดีขึ้น
และลดอาการข้างเคียงต่อเซลล์ปกติ และพบว่า
การที่สังคมไทยใช้ใบชะมวงมาประกอบอาหารแสดงให้เห็นว่าเป็นพืชที่ปลอดภัย
และอาจจะมีส่วนในการช่วยป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหารและมะเร็งได้ในระดับ
หนึ่ง
ส่วนการที่คนไทยรู้จักนำใบชะมวงมาต้มกับหมูนับเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ดี
เลิศ เพราะพบว่าสารชะมวงโอนสามารถละลายในไขมันได้ดีกว่าละลายในน้ำธรรมดา
“แต่ในปัจจุบันคนไทยยังเข้าใจผิดคิดว่าการใช้สมุนไพรไม่มีอันตราย
สมุนไพรบางตัวมีสารที่ทั้งให้ประโยชน์และสารที่ให้โทษต่อร่างกาย
แม้แต่สมุนไพรที่ใช้เป็นพืชอาหารบางชนิดก็ตาม ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง
การใช้ผิดวัตถุประสงค์ ผิดวิธี ผิดขนาด อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้
โดยเฉพาะอันตรายต่อตับและไต จากการที่ตับและไตต้องทำงานหนัก
เพราะการกินสมุนไพรเข้าไปร่างกาย
ร่างกายต้องกำจัดสารส่วนเกินความจำเป็นออกจากร่างกาย
ผู้ป่วยบางคนใช้ทั้งยาแผนปัจจุบันควบคู่ไปกับการใช้สมุนไพรด้วย ดังนั้น
ต้องมีการสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้กับประชาชนมากขึ้น”
ผู้อำนวยการสถานวิจัยยาสมุนไพรและเทคโนโลยีชีวภาพทางเภสัชกรรม กล่าว
จากมหาวิทยาลัย สงขลา
Post a Comment
[video]youtubeorvimeovideolink[/video]
[img]yourimagelink[/img]